เคยมั้ย? ทำงานหนักเพื่ออนาคต

จนเริ่มรู้ว่าใช้สมองและร่างกายมากเกินพอดี

พื้นฐานชีวิตของคนเราพอเติบโตขึ้นมาก็ต้องก้าวสู่โลกการทำงานกันทุกคนแหละเนอะ มันหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้วกับเรื่องนี้ ซึ่งเป้าหมายชีวิตย่อมแตกต่างกันออกไป           บางคนขอแค่ทำงานตามที่คาดหวัง ได้เงินเดือนเหมาะสม แต่มีอีกหลาย ๆ คนต้องการทำงานเพื่อสร้างอนาคตให้ตนเอง จึงยอมแลกบางช่วงเวลาในชีวิตเพื่อทำงานอย่างหนัก และคาดหวังความสบายเมื่ออายุมากขึ้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดนะคะ แต่สำหรับคนที่ทำงานหนักมาก ๆ อยากให้ลองเบรกแล้วมองตัวเองสักนิดว่าตอนนี้กำลังใช้สมองและร่างกายเกินพอดีหรือเปล่า???

สิ่งที่สมองและร่างกายเริ่มต่อต้านเมื่อทำงานหนักเกินไป

อย่างที่บอกว่าแม้จะพยายามทำงานหนักเพื่อหวังสร้างอนาคตที่ดีให้กับตนเองและครอบครัว แต่คนเราก็ไม่ใช่เครื่องจักรนี่นา… พอรับความเหนื่อยล้าทางกายมาก ๆ บวกกับความเครียดในสมอง มันก็ย่อมเกิดการต่อต้านเป็นเรื่องธรรมดา โดยลองสังเกตตัวเองดังนี้เลยค่ะ

1. มีอารมณ์แปรปรวน ไม่คงที่ มักหงุดหงิดง่ายขึ้นกับสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ จนคนรอบข้างเริ่มตีตัวออกห่าง

2. สมาธิในการทำงานลดลง จากเคยตั้งใจทำอะไรได้นาน ๆ เหมือนสมองจะสั่งการให้เลิกสนใจแล้วไปหาอย่างอื่นทำแทน

3. เบื่อหน่ายกับสิ่งที่ต้องพบเจอเป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะบรรดาพนักงานออฟฟิศที่ต้องอยู่กับงานเดิม ๆ มายาวนาน

4. อาการป่วยต่าง ๆ เริ่มถามหา เช่น อาการออฟฟิศซินโดรม, ปวดหัว, ปวดท้อง และอื่นๆ

5. หลายคนเริ่มเก็บตัวเองทั้งที่ในอดีตเป็นคนร่าเริง นั่นเพราะสมองกำลังเกิดความเครียดอย่างหนักจนไม่อยากพูดคุยหรือเจอหน้าใคร

จากสิ่งที่เกิดขึ้นจะเห็นเลยว่าการทำงานหนักเกินไปสมองจะมีผลกระทบสูงสุดแล้วส่งต่อมาถึงร่างกาย จากคนนิสัยน่ารัก ร่างกายแข็งแรง อาจเปลี่ยนเป็นตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง เป้าหมายที่เคยวางเอาไว้ว่าอนาคตต้องสบายก็มลายสิ้นไปด้วยเพราะชีวิตใช้งานมากเกินกว่าจะรับไหว

รู้ก่อนไม่สาย! เปลี่ยนตัวเองเพื่อความสุขของชีวิต

ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้วใครเริ่มรู้สึกว่านี่มันตัวเราชัด ๆ… เริ่มต้นเปลี่ยนตัวเองใหม่วันนี้ยังไม่สายนะคะ โดยมีข้อแนะนำดี ๆ ดังนี้

1. ออกไปหาสิ่งใหม่ ๆ ให้ชีวิต หยุดคิดเรื่องงานไปชั่วขณะ เช่น ไปเที่ยวต่างจังหวัดหลาย ๆ วันโดยไม่ต้องรู้ถึงเรื่องงาน มันจะทำให้สมองปลอดโปร่งมากขึ้น ร่างกายผ่อนคลาย เหมือนกำลังชาร์จแบตเตอรี่

2. เน้นย้ำไว้เสมอว่า ทุกปัญหามีทางออก เครียดเกินไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา พยายามหาสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทำให้เกิดความสุขในแต่ละวัน

3. เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์กับร่างกาย และควรเสริมด้วยตัวช่วยบำรุงสมองจำพวกอาหารเสริมต่าง ๆ เพราะอาหารทั่วไปอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ แต่ย้ำว่าควรเป็นอาหารเสริมที่ผลิตด้วยส่วนประกอบจากธรรมชาติเท่านั้น เพื่อลดผลข้างเคียง

4. พักผ่อนอย่างเพียงพอในทุกๆ วัน เมื่อตื่นมาตอนเช้าจะรู้สึกสมองโล่งมากกว่าเดิม

เข้าใจดีว่าใคร ๆ ต่างก็ต้องอยากมีอนาคตที่สดใส แต่ถ้าวันนี้ทำงานหนักเกินไปจนร่างกายพัง สมองป่วย ท้ายที่สุดเงินที่ทำก็ต้องเอามารักษาตัวอยู่ดี ทำบ้าง เล่นบ้าง พักผ่อนสมองบ่อย ๆ นี่แหละถึงเรียกว่าใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *